การขับเคลื่อนงานจัดการสุขภาวะของชุมชนคนสู้เหล้า ตำบลหายโศก อำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์

“หายโศก” เป็นตำบลหนึ่งใน อำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์  ในปี 2552  พบว่ามีประชาชนในพื้นที่มีอาการเจ็บป่วยทางกายและสุขภาพจิตที่มีเครื่องดื่มแอลกออล์เป็นสาเหตุหลัก  มีประชาชนเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับ 3 ราย และมีผู้ป่วยทางจิตอีก 12 ราย  จึงได้มีการประชุม โดยเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ประชาคมงดเหล้าและภาคีในตำบลเป็นแกนนำที่สำคัญ ได้นำข้อมูลของปัญหา และข้อมูลความเป็นจริงในชุมชน ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ว่าจะเป็นโรค เบาหวาน ความดัน ความเจ็บป่วยเรื้อรัง นับเป็นจุดเริ่มต้นของการขับเคลื่อนงานจัดการปัญหาฯ  

ในปี 2553-2554 จึงได้มีการจัดเวทีถอดบทเรียนดำเนินงาน เพื่อสะท้อนปัญหา และประโยชน์ของการจัดงานศพปลอดเหล้า ที่สามารถประหยัดค่าใช้จ่าย พบว่าค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เลี้ยงในงานศพ มีจำนวนมากถึง 30,000-100,000 บาทต่องาน จึงริเริ่มโครงการรณรงค์ “หมู่บ้านงานศพปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ น้ำอัดลม และปลอดการพนัน” พร้อมทำป้ายรณรงค์ติดบริเวณทางเข้าทุกหมู่บ้าน ในตำบลหายโศก ทำให้ภายในงานต่างๆเกิดความสงบเรียบร้อย และเริ่มมีการขยายผลจากงานศพปลอดเหล้าไปถึงงานกฐินปลอดเหล้า งานบวชปลอดเหล้า เข้าพรรษาปลอดเหล้า และดำเนินการอย่างต่อเนื่องตลอดมา

นายทรงฤทธิ์ ปะเมโท ประธานชมรมคนหัวใจเพชร ตำบลหายโศก กล่าวถึงการตั้งชมรมฯ ว่า ได้ก่อตั้งชมรมขึ้นเมื่อปี 2560  ซึ่งมีสมาชิกเข้าร่วมเพียง 9 คน ต่อมา ป 2561 มีสมาชิกเพิ่มขึ้นอีก  38  คน และในปี 2562 ได้มีสมาชิก เพิ่มขึ้นอีก 47 คน  รวม 94 คน  การเข้าร่วมปฏิญาณตนงดเหล้าเข้าพรรษาในตำบลหายโศกจำนวน 322 คน  มีคนที่งดเหล้าตลอด 3 เดือน จำนวน 150 คน มีคนที่ลดปริมาณการดื่มลงอีก 72 คน  ในจำนวนนี้มีจำนวน 10 คน ที่ตั้งปณิธานที่จะเลิกเหล้าตลอดชีวิต ชาวตำบลหายโศกสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายสิ้นเปลืองได้ 435,276 บาท

สำหรับการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษาปี 2563  ที่ผ่านมามีการวางระบบการติดตามอย่างเข้มข้น  โดยมีการพัฒนาศักยภาพทีมแกนนำชมรมคนหัวใจเพชรในทุกหมู่บ้านให้มีความรู้ในการทำงาน  แบ่งโซนกันมีความรับผิดชอบที่ชัดเจน และมีกระบวนการติดตาม ชวน  ช่วย  ชม  เชียร์  ตลอดช่วงเข้าพรรษาให้ต่อเนื่อง   รวมทั้งยังใช้มาตรการงานศพและงานบุญประเพณีปลอดเหล้า และ MOU ร้านค้าที่ได้ลงนามไว้ร่วมกันอย่างเคร่งครัด  ซึ่งมีคนร่วมลงนามงดเหล้าเข้าพรรษาไม่น้อยกว่า 350 คน สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายที่สิ้นเปลืองจากเหล้าได้ 449,400 บาท และได้ยกระดับการทำงานโดยเข้าถึงกลุ่มเด็กเยาวชน และดื่มที่หนักได้มากขึ้น

บุญเติม  ฉากไธสง คนต้นแบบเลิกเหล้า เจ้าของฉายา “บุญเติม 3000 ปี” มีเงินเหลือ พร้อมสู้ทุกสถานการณ์ เปิดเผยว่า  “เกือบ 20 ปีที่ผมหลงทางไปกับน้ำเมาจนแทบจะเอาชีวิตไม่รอด ในช่วงวัยหนุ่มผมก็เป็นคนหนึ่งที่ดื่ม “เหล้า” จนเขาเรียกว่าไอ้หนุ่มขี้เมา  พอตั้งใจจะบวชก็มีคนคอยให้คำสบประมาทเขาคงเห็นเป็นแค่ไอ้คนขี้เหล้าเอาดีไม่ได้  มีครั้งหนึ่งที่ขวดเหล้าตกลงไปในน้ำคร่ำผมยังเก็บขึ้นมาดื่มโดยไม่รู้สึกรังเกียจ และเคยแอบถอนเงินในบัญชีภรรยาไปเลี้ยงเหล้าเพื่อนและสนองตันหาของตนเองนานเข้าไม่ใช่แค่ดื่มเหล้าแต่กลับมีสิ่งอื่นอีกมากมายจนครอบครัวแทบจะล่มสลาย ผมเคยหักดิบ จนเกิดอาการลงแดง ซึ่งมันทรมานจนแทบเอาชีวิตไม่รอด จนกระทั่งปี 2562ชมรมคนหัวใจเพชรหายโศกและทีมสติบำบัดคอยช่วยเหลือ พาตั้งเป้าหมายใช้โปรแกรมสติบำบัด และได้กำลังใจจากครอบครัวจนทำให้หยุดเหล้าได้โดยเด็ดขาด จนถึงปัจจุบัน  และเป็นแกนนำขับเคลื่อนชมรมคนหัวใจเพชรตำบลหายโศกเพื่อช่วยคนอื่นๆที่ติดเหล้าให้เลิกเหล้าและสร้างชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม”     

นายนิมิต ปัทมเจริญ นายอำเภอนักรณรงค์ อำเภอพุทไธสงจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า ปัญหาความเดือดร้อนต่างๆในอำเภอพุทไธสง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอุบัติเหตุ ทะเลาะวิวาท ความรุนแรง ความเจ็บป่วย พบว่าการดื่มสุราเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ จึงมีการรณรงค์ประเด็นงดเหล้าควบคู่กับอุบัติเหตุเป็นหลัก  ตำบลหายโศกเป็นต้นแบบ ชุมชนคนสู้เหล้าที่มีการช่วยเหลือผู้ติดสุราภายใต้ชมรมคนหัวใจเพชร โดยใช้เครื่องมือสติบัดบัด ช่วยเลิก ในช่วงรณรงค์งดเหล้าข้พรรษา และการขับเคลื่อนทำข้อตกลง MOU ระดับชุมชนร่วมกับร้านค้าให้ปฏิบัติตามกฏหมาย ซึ่งได้ขับเคลื่อนมาต่อเนื่องกว่า 10 ปี ทั้งนี้จึงได้นำบทเรียนมาขยายเป็นนโยบายอำเภอครอบคลุมพื้นที่ ทั้ง 7 อำเภอ

นายนิมิต กล่าวต่อว่า ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19  ชมรมคนหัวใจเพชรได้ร่วมกับผู้นำชุมชนได้ออกตรวจ เฝ้าระวังการตั้งวงดื่มเหล้าในแต่ละชุมชน  ทั้งนี้มีการประชาสัมพันธ์และขอความร่วมมือกับร้านค้าทั้ง 53 ร้านค้าที่ร่วม MOU เพื่อให้งดการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด และปฏิบัติตามนโยบายของรัฐอย่างเคร่งครัดอีกด้วย//

 

นักสื่อสาร องค์กรสุขภาวะ