เรื่องเล่าจากภาคี EP4.ดร.อัชรัฐ ยงทวี ผู้ที่มีคุณพ่อเป็นแรงบันดาลในเรื่องสุขภาพและการออกกำลังกาย

ตั้งแต่เด็กจนโต จะเห็นคุณพ่อใส่ใจเรื่องสุขภาพและรักในการออกกำลังกาย ซึ่งเหมือนเป็นภาพจำในทุก ๆ วันตั้งแต่วัยเด็กจนถึงตอนนี้ เพราะคิดว่าสุขภาพคือสิ่งสำคัญ ไม่ใช่แฟชั่น หรือทำตามๆกันไป แต่คือการตอบแทนบุญคุณต่อร่างกาย ที่คุณใช้เขามาตั้งแต่แรกเกิด  ดังนั้นเราต้องใส่ใจเขาอย่างเต็มที่

ไม่ใช่แค่รักในสุขภาพ แต่ ดร.อัชรัฐ ยงทวี ยังหลงรักอาชีพของตัวเองที่ได้สอนและให้ความรู้เกี่ยวกำการกีฬาและการออกกำลัง และยังมีสิ่งที่อยากทำ คืออยากสอนและให้ความรู้กับเด็กเยาวชนเรื่องการเล่นกีฬา และอยากให้เด็กๆได้มีพื้นที่สร้างสรรค์ให้ได้โชว์ศักยภาพของตัวเองออกมา เพื่อไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่เป็นปัจจัยเสี่ยงและอบายมุขต่างๆ

ดร.อัชรัฐ ยงทวี 

ดร.อัชรัฐ ยงทวี  เป็นคนบุรีรัมย์ เรียนและก็มาทำงานในเมืองหลวง อยู่กรุงเทพ 20 ปี  

จบปริญญาตรี เรียนที่ วิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จบปริญญาโท ที่มหาวทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะ วิทยาศาสตร์การกีฬา ตอนวัยเด็กความฝันอยาก อยากเป็นครู และต้องเป็นครูพละศึกษา เพราะด้วยสภาพสังคมคุณพ่อ ชอบออกกำลังกายเล่นกีฬาผม ก็ได้นิสัยส่วนหนึ่งมาจากคุณพ่อ ชอบเล่นกีฬา ชอบดูกีฬา ที่อยากจะเป็นนี่ก็อยากจะ กลับไปสอนเด็ก ๆ ที่ต่างจังหวัด เพื่อเขาจะใช้ความสามารถทางด้านกีฬามาเรียนต่อในอนาคต และได้ทำงานเป็นอาจารย์ มา 14 ปี ก่อนที่จะมาทำงานกรมพละก็ทำทำงานที่ฟิตเนทในคอนโดบ้าง ตามบ้านบ้าน แต่แค่4 เดือนแนะนำการออกกำลังกายหลังจากทำกิจกรรม

ไลฟ์สไตล์ทุกวันหลักจากเลิกงานทำอะไรบ้างครับ

ทุก ๆ วันผมก็จะออกไปทำงานกลับมาก็ส่วนใหญ่ก็จะนั่งพักผ่อน เนื่องจากบ้านผมอยู่ปทุม ก็ต้องเข้าไปทำงานในเมือง ชีวิตส่วนใหญ่จะหมดไปกับการเดินทาง กลับมาถึงบ้านก็ดูทีวีบ้าง ทำกิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆและก็ต้องรีบนอนเพราะต้องตื่นเช้าทุกวัน ส่วนการออกกำลังกายก็จะได้ช่วงเสาร์อาทิตย์ ปั่นจักรยานในหมู่บ้าน 

แล้วเป็นวิทยากรแบบนี้มีออกไปให้ความรู้แบบนี้เยอะไหมครับ

พอดีผมเพิ่งกลับมาจากเกาหลี ไปเรียนปริญญาเอก จบปี2562กลับมาก็ทำภาระก็เป็น วิทยากร ก็ยังไม่มากแต่ก็มีเพ่มขึ้นเรื่อย ๆ ครับ เช่นไปเป็นอาจารย์สอนพิเศษที่มหาวทยาลัยเกษตรศาสตร์ แต่ตอนนี้ปรับรูปแบบสอนทางออนไลน์ ได้รับเชิญ ไปบรรยายทางด้านเกี่ยวกับ ทางดานกีฬาของจุฬา แต่เขาก็เลื่อนแล้วก็มีงานที่ไปต่างจังหวัดประเมินการณ์ทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย เมื่ออาทิตย์ ที่ผ่านมาผมก็เพิ่งไปที่ จังหวัด พิศนุโลก ไปแนะนำเกี่ยวกับการใช้โปรแกรมชุดการใช้ความสามารถทางสมองครับ 

ตอนที่อยู่เกาหลีอาจารย์เรียน อะไรครับ 

Department of Natural side ชื่อสาขา school Exercise sport side ​แต่ก็จะมาสาขาย่อยออกไปอีก ผม ต้องไปประจำ Lap เหมือนไปช่วยเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา  เหมือนเข้าไปทำงานในห้อง ปฏิบัติการของจิตวิทยาและสรีระ มันเป็นสาขาที่คอมบายกัน เป็นสาขาที่ผมสนใจด้วย และอาจารย์ที่ปรึกษาเขาถนัดด้วย

ส่วนตัวเป็นคนที่ดื่มแอลกอฮอล์ไหมครับ

ตอนเรียนเคยดื่ม แต่ช่วงหลักมาพออายุมากขึ้น ไม่ดื่มเลยเพราะการฟื้นตัวช้า ก็เลยไม่ดื่มแล้วครับ ดื่มหนักถึงขั้นเมาไม่รู้ตัวอาเจียนออกมา 3-4ครั้ง ในคืนนั้น ถือว่าหนักมากครับ ณ ตอนนั้น

คือตอนนี้เด็ก ๆ เริ่มเข้าสู้การอยากรู้อยากลองและเริ่มเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่เป็นปัจจัยเสี่ยงมากขึ้น คิดเห็นอย่างไรบ้างครับ

ส่วนตัวผมนะ ก็ถามว่าจริง ๆเป้าหมายสูงสุดก็คือ ถ้าน้อง ๆ เด็ก ๆไม่เข้าไปสัมผัสหรือไปดื่มพวกแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่ หรือ ยาเสพติด อย่าเข้าไปยุ่งเลยจะดีกว่า ซึ่งบางคนเขาหลีกเลี่ยงไม่ได้เขาอาจแค่อยากลอง แต่ก็ควรคิดดูว่าลองแล้วเนี่ยถ้าคุณติดสิ่งเสพติดหรือเครื่องดื่มมึนเมามันจะส่งผลอะไรต่อตัวเองบ้าง

ทั้ง ในระยะสั้นระยะกลางระยะยาว ที่เป็นผลเสียต่อตัวเอง จริง ๆมันก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนด้วย ส่วนตัวผมคิดว่าสภาพแวดล้อมก็ส่งผลอย่างหนึ่งถ้าเขาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ไม่มีคนดื่มก็จะช่วยให้เขาไม่ยุ่งเกี่ยวได้ แต่ก็มีหลายปัจจัยที่ทำให้เด็กไทยไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับกับปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ แต่เต็มที่สำหรับผมนะก็แค่ให้ความรู้ ช่วยหากิจกรรมอื่น ๆที่เขาสนใจที่เขาชอบ อาจจะเป็นการช่วยดึงเขาออกจากตรงนั้นด้วย เช่นกิจกรรมกีฬา จัดให้มีการเข้าถึง ศิลปะ ดนตรี เปิดพื้นที่ให้พวกเขาได้แสดงออกกันมากขึ้น

ถ้าพูดถึงการดื่มเหล้าเข้าสังคม มุมมองของอาจารย์คืออะไรครับ

เหมือนกับการเป็นค่านิยมที่ถูกสร้างมา บางคนแบบปลอบใจเศร้า อกหัก ก็ดื่มเพื่อ หรือมีคุยงานก็ต้องนั่งดื่ม ดังนั้นการดื่มเพื่อเข้าสังคมมันเหมือนแบบคำที่ถูกสร้างขึ้นมาเอง พอมีคำนี้มาทุกคนก็เหมือนกับปลดล็อคตัวเองว่านี่ดื่มได้นะ ดื่มเพื่อเข้าสังคมแต่ในความเป็นจริง พอดื่มไปแล้วบางคนก็ดื่มจนเกินลิมิตของตัวเอง อาจทำให้ส่งผลต่อตนเองเมื่อดื่มจนควบคุมตัวเองไม่ได้  แต่บ้างท่านก็อาจจะควบคุมตัวเองได้ ตรงนี้ผมว่าควรที่จะเปลี่ยนทัศนคติหรือ myset ของประชาชนคนไทยเรา ถ้าคุณจะใช้คำว่าดื่มเหล้าเข้าสังคม เพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกดีมันก็ ไม่น่าจะเป็นเหตุผลที่ดี นี่คือความคิดเห็นส่วนตัวของผมนะครับ ..สภาพแวดล้อมก็เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เด็ก ๆ เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อยู่ที่ว่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จะร่วมรับผิดชอบในการสร้างพื้นที่สร้างสรรค์ เพื่อให้รอบตัวเด็กๆ เกิดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อ การดำเนินชีวิตและกิจกรรมประจำวัน  ตลอดจนการสร้างความร่วมมือและช่วยหากิจกรรมอื่น ๆ ที่อยู่ในความสนใจที่ อาจจะเป็นการช่วยดึงเขาออกจากตรงนั้นด้วย และกีฬา ศิลปะ ดนตรี ก็เป็นกิจกรรมสร้างสรรค์ที่ควรส่งเสริม