ปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากน้ำเมาในอดีต พลิกชีวิตให้มาทำงานอาสา หวัง..ยุติความรุนแรง

เนื่องในวันยุติความรุนแรงสากล 25 พฤศจิกายน นี้ เครือข่ายงดเหล้า ซึ่งรณรงค์ชวน ช่วย เชียร์ให้ลดละเลิกดื่มเหล้าในชุม ชนสู้เหล้ากว่า 400 แห่งทั่วประเทศ ขอยกเอาอุทาหรณ์(กำนันรุ่ง) นายภัทรพงษ์  กิตติวิริยะพันธุ์ อดีตกำนันตำบลบ้านโข้ง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ขณะนี้เป็นผู้ประสานงานประชาคมงดเหล้าจังหวัดสุพรรณบุรี ได้เล่าถึงเหตุการณ์ความรุนแรงในครอบครัวตนเองจากน้ำเมา และขณะนี้ขออาสาแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาด

นายภัทรพงษ์เล่าว่า ครอบครัวมีอาชีพทำไร่ พ่อมีอาชีพรับจ้างขับรถสิบล้อรับส่งอ้อย และพ่อก็เป็นนักดื่มตัวยง เมื่อรับเงินค่าจ้างก็ได้ไปรับผมที่โรงเรียน แต่ก็พาผมแวะบ้านเพื่อน ไปนั่งดื่มเหล้ากับเพื่อนก่อนกลับบ้านแทบทุกวัน ผมเองหลังจากกลับมาดึกๆกับพ่อแล้ว ก็จะถูกบังคับให้มาอ่านหนังสือให้ฟัง ไม่อ่านก็จะถูกดุว่า อาจมีลงไม้ลงมือบ้าง แต่บ่อยครั้งที่พ่อเมากลับบ้านและทะเลาะกับแม่ เพราะพ่อเมาและขับรถมอเตอร์ไซด์ล้ม กลับไม่ถึงบ้านอยู่บ่อยครั้ง และแม่ต้องออกไปช่วยพยุงเข้าบ้านทุกครั้ง จึงเป็นชนวนที่ทำให้แม่กับพ่อต้องทะเลาะกัน ลงไม่ลงมือกัน เพราะความที่พ่อเมา อาจด้วยแม่มีความห่วงใยในความปลอดภัย ของพ่อรวมถึงตัวผมด้วย  สิ่งสำคัญคือเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้าน เกิดเรื่องปัญหาความเป็นอยู่ที่ขาดแคลน เมื่อครั้งที่น้องป่วยพ่อไปขอยืมเงินญาติๆ แต่ไม่มีใครให้ยืมเพราะคิดว่าจะเอาเงินไปกินเหล้า เพราะเมาจนไม่มีใครเชื่อ

จุดเปลี่ยนครั้งที่หนึ่ง คือ คุณพ่อได้ตั้งใจเลิกดื่มเหล้าเด็ดขาด จึงตัดสินใจพาครอบครัวย้ายที่อยู่ไปเป็นโฟร์แมนรับเหมางานที่จังหวัดสมุทรปราการ หลังจากที่พ่อเลิกดื่มเหล้า ก็ทำให้ชีวิตครอบครัวเรามีความอบอุ่น เรื่องการเงินในครอบครัวดีก็ขึ้นเป็นลำดับ ไม่มีการทะเลาะดุด่าในครอบครัวอีกเลย

นายภัทรพงษ์กล่าวต่อว่า ส่วนชีวิตในวัยรุ่นของผมมีบางสิ่งซึมซับจากพ่อ เรื่องการดื่มเหล้า มันเป็นภาพจำในสมัยเด็กที่พ่อเมากลับบ้านทะเลาะกับแม่ แล้วแม่ก็นั่งร้องไห้ ในวัยนั้นอาจจะยังคิดไม่ได้ เพราะการดื่มกลายเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชาย เมื่ออายุ 18 ปี ผมเริ่มดื่มเหล้าและเพื่อนก็พาไปทุกรูปแบบ ทั้งยาเสพติดและการพนัน เงินค่าจ้างวิ่งรถเดือนละ 30,000 บาทไม่มีเหลือเก็บ จนในที่สุดพ่อของผมกลายเป็นคนที่ให้สติผม คอยเตือนให้คิดเสมอ ครั้งที่เกิดความสะเทือนใจอย่างมาก ผมต้องเสียน้องชายไปเพราะเหล้า ครั้งนั้นน้องชายไปดื่มเหล้ากับเพื่อนและมีวัยรุ่นยกพวกตีกัน น้องผมนั่งดื่มกันอยู่ก็วิ่งหนีแต่ไปลื่นล้มบนถนนทำให้รถชนจนเสียชีวิต จากวันนั้น ทำให้ผมตั้งใจเลิกเหล้าและอบายมุขทุกอย่าง ทำมาหากินเก็บเงิน

เมื่อวันที่ผมได้แต่งงาน ผมตั้งปณิธานเลยว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวอบายมุขและจะไม่ให้เกิดการมีปากเสียง ไม่ทะเลาะหรือทำให้เกิดความรุนแรงในครอบครัว เพราะไม่อยากให้ลูกๆ ได้ซึมซับปัญหาต่างๆ เพราะเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นนั้นมันเป็นบทเรียนที่ทำให้เราได้เรียนรู้ ได้เห็นผลลัพธ์ ที่ไม่ควรเกิดขึ้นซ้ำๆอีก  เมื่อปี 2545 ได้รับเลือกให้เป็นผู้ใหญ่บ้าน และได้รับโอกาสอีกครั้งในการได้รับเลือกเป็นกำนันในปี 2547 

ปัจจุบันผมตั้งใจทำงานจิตอาสา คอยช่วยเหลือสังคม ช่วยคนในชุมชน โดยเฉพาะเรื่องชวนคนเลิกเหล้า เพราะจากประสบการณ์ในอดีตที่ผ่านมา ผมไม่อยากให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นกับครอบครัวของผม กับลูก และภรรยาของผม และไม่ควรเกิดขึ้นกับครอบครัวอื่นๆอีก ผมคิดว่าความสุข ความอบอุ่นในครอบครัวเกิดขึ้นได้ หากเรามีสติในการใช้ชีวิต ผมพยายามรณรงค์ ตั้งประเด็นในการทำงานพื้นที่ต่างๆเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนการทำงานประเด็นงดเหล้าและผลกระทบต่างๆ และแนวทางการป้องกัน เพื่อยับยั้งความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นในครอบครัว และในสังคมของเรา จนกลายเป็นบ้านที่ปลอดภัย สังคมที่เป็นสุขในที่สุด

การไม่ยุ่งเกี่ยวกับเหล้าเบียร์สิ่งมึนเมาจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่จะไม่ใช้ความรุนแรง เพราะยังมีสติ รู้จักยับยั้งชั่งใจ ขอฝากให้ผู้ชายทุกคนอย่าได้ก้าวพลาดอย่างที่ผมเคยเป็นมาแล้ว โดยการลด ละ เลิกเหล้าเบียร์ อบายมุขเพื่อลดการใช้ความรุนแรงในโอกาสวันรณรงณ์ยุติความรุนแรงปีนี้ นายภัทรพงษ์กล่าวทิ้งท้าย

นักสื่อสาร องค์กรสุขภาวะ