สานพลัง 8 ภาคีเครือข่าย ความร่วมมือในการสำรวจข้อมูลการดื่มและการสูบของเด็กเยาวชนในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 1



สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคเหนือตอนบน สานพลัง 8 ภาคีเครือข่าย ร่วมลงนามความร่วมมือการสำรวจข้อมูลสถานการณ์การดื่ม – การสูบของเด็กเยาวชน 10-20 ปี ในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 1
วันที่ 26 พฤษภาคม 2568 สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคเหนือตอนบน ร่วมกับสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 ประสานความร่วมมือภาคีเครือข่ายได้แก่ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ สมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ จังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานศึกษาธิการภาค 15 และสำนักงานศึกษาธิการภาค 16 ร่วมกันลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในการดำเนินการสำรวจสถานการณ์การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า ในเด็กเยาวชนอายุระหว่าง 10-20 ปี ในโรงเรียนและสถานศึกษาจำนวน 2,585 แห่งครอบคลุมพื้นที่เขตสุขภาพที่ 1

แพทย์หญิงเสาวนีย์ วิบุลสันติ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 กล่าวว่าข้อมูลการสำรวจพฤติกรรมด้านสุขภาพของประชากรในปีล่าสุด คือ ปี พ.ศ.2567 มีแนวโน้มการสูบบุหรี่ลดน้อยลง จากปี 2564 พบที่ร้อยละ 16.5 ประมาณ 9.8 ล้านคน ( ปี 2564 ร้อยละ 17.4 หรือประมาณ 9.9 ล้านคน) ตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติภายในปี 2570 คงเหลือร้อยละ 14.0 ข้อมูลสถานการณ์ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน พบร้อยละ13.5 แนวโน้มการสูบลดลง ถ้าแยกเป็นรายจังหวัดมีแนวโน้มการสูบเพิ่มขึ้น 2 จังหวัด คือจังหวัดแม่ฮ่องสอนร้อยละ 18.5 จังหวัดลำปาง ร้อยละ 15.9 มีเพียงจังหวัดเดียวที่เกินค่าเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติคือจังหวัดแม่ฮ่องสอน ส่วนจังหวัดอื่นๆพบการสูบบุหรี่ ดังนี้ จังหวัดเชียงใหม่ ร้อยละ 14.4 จังหวัดแพร่ ร้อยละ 14.1 จังหวัดพะเยา ร้อยละ 13.7 จังหวัดลำพูน ร้อยละ 12.8 จังหวัดเชียงราย ร้อยละ 10.6 และจังหวัดน่าน ร้อยละ 7.9




สำหรับข้อมูลการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีแนวโน้มการสูงขึ้นจากปี 2564 พบที่ ร้อยละ 47.75 ถ้าแยกเป็นรายจังหวัดมีแนวโน้มการดื่มสูงขึ้น 7 จังหวัด คือจังหวัดลำปาง ร้อยละ 59.5 จังหวัดพะเยา ร้อยละ 53.7 จังหวัดเชียงราย ร้อยละ 53.7 จังหวัดน่าน ร้อยละ 51.3 จังหวัดลำพูน ร้อยละ 44.4 จังหวัดแม่ฮ่องสอน ร้อยละ 39.2 และจังหวัดเชียงใหม่ ร้อยละ 38.3 มีเพียงจังหวัดเดียว ซึ่งที่ลดลงจาก ปี 2564 คือ จังหวัดแพร่ ร้อยละ 42.0 ทุกจังหวั ดเกินค่าเป้าหมายของชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 3 จังหวัดที่พบร้อยละการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สูงติด 5 อันดับของประเทศ คือจังหวัดลำปาง อันดับ 2 จังหวัดเชียงราย อันดับ 4 และจังหวัดพะเยา อันดับ 5 ของประเทศซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ ที่มุ่งเน้นการป้องกันและลดจำนวน “นักดื่ม-นักสูบหน้าใหม่” มุ่งส่งเสริมให้สถานศึกษาเป็นพื้นที่ปลอดภัย ปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และปลอดบุหรี่-บุหรี่ไฟฟ้า ผ่านการขับเคลื่อนตามกรอบ “7 มาตรการ และ 1 นวัตกรรม” ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการพัฒนาสถานศึกษาสู่ความยั่งยืนในการดูแลสุขภาวะของนักเรียน

นายธีระ วัชรปราณี ผู้ทรงคุณวุฒิของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวว่าการสำรวจสถานการณ์และพฤติกรรมการดื่ม การสูบในกลุ่มเด็กเยาวชนครั้งนี้ ถือเป็นภาคแรกในประเทศไทย ที่เกิดการผนึกกำลังภาคีเครือข่าย จับมือกันจัดทำฐานข้อมูลจากพื้นที่ซึ่งทำให้ 8 จังหวัด มีข้อมูลเชิงลึกที่เป็นสอดคล้องกับปัญหาจริงในระดับพื้นที่ แล้วเป็นข้อมูลสำคัญในการนำมาวิเคราะห์สถานการณ์การดื่ม การสูบของเด็กเยาวชนอย่างรอบด้านและเป็นรากฐานสำคัญเพื่อนำมากำหนดแนวทางและวางมาตรการในการแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด มีประสิทธิภาพ ครอบคลุมทั้งในด้านพฤติกรรม สังคม สิ่งแวดล้อม
และนโยบาย




วัตถุประสงค์ของการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในครั้งนี้ เพื่อร่วมกันสำรวจสถานการณ์ พฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่-บุหรี่ไฟฟ้าของเด็กเยาวชนอายุ 10-20 ปีในสถานศึกษาจำนวน 2,485 แห่งครอบคลุมพื้นที่เขตสุขภาพที่ 1 ตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4–6 ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1–6 และระดับอาชีวศึกษา โดยมีศึกษาธิการภาค 15-16 เป็นช่องทางและกลไกสำคัญในติดตามการจัดเก็บข้อมูล เป้าหมายเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง โดยมีคณะสาธารณสุขศษสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ช่วยดูระบบและสังเคราะห์ข้อมูล แล้วร่วมกันนำไปสู่การวางแผนเชิงนโยบายใน การป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบและตรงจุดมากขึ้น

ศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์สุวัฒน์ จริยาเลิศศักดิ์ คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่าการลงนามในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสดีที่ทำให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้สนับสนุนงานวิชาการร่วมกับภาคีเครือข่ายในภูมิภาค สำหรับขอบเขตของความร่วมมือที่วางแผนขับเคลื่อนร่วมกัน ประกอบด้วย 1.การแต่งตั้งคณะทำงานบูรณาการเพื่อดำเนินการสำรวจสถานการณ์ พฤติกรรมของเด็กเยาวชนในสถานศึกษา 2.ออกแบบและพัฒนาเครื่องมือแบบสอบถามและกำหนดวิธีการเก็บข้อมูลตามระเบียบวิธีวิจัยให้สอดคล้องกับบริบทพื้นที่ 3.ประสานหน่วยงานความร่วมมือและสถานศึกษาที่เกี่ยวข้อง ประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานอย่างชัดเจน 4.ดำเนินการเก็บรวบรวม วิเคราะห์และจัดทำรายงานข้อมูล 5. คืนข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ และ 6. กำหนดแนวทาง มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาแบบมีส่วนร่วมอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งความร่วมมือของ 8 หน่วยงานในครั้งนี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการเสริมสร้างกลไกป้องกันเชิงรุก ลดอัตราการเกิดนักดื่ม-นักสูบหน้าใหม่ในสถานศึกษา และส่งเสริมให้เยาวชนมีความรอบรู้และมีสุขภาวะที่ดีภายใต้สิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยและเอื้อต่อการเรียนรู้ต่อไปอย่างยั่งยืน


โดย:กัญญานันท์ ตาทิพย์