การเปลี่ยนแปลงค่านิยมงานบวชในจังหวัดอ่างทอง
ประเพณีปลอดเหล้า

การเปลี่ยนแปลงค่านิยมงานบวชในจังหวัดอ่างทอง

ฟังบทความ
ไม่ระบุผู้เขียน
2 สิงหาคม 2568

งานบวชในประเทศไทยเป็นประเพณีสำคัญที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานในหมู่พุทธศาสนิกชน มีความเชื่อกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมไทยมาอย่างยาวนาน ในปัจจุบันรูปแบบและค่านิยมของงานบวชได้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นของการใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือย ค่านิยมความรื่นเริงและการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในงานบุญประเพณี

การเปลี่ยนแปลงของประเพณีงานบวชในจังหวัดอ่างทอง

จังหวัดอ่างทอง เป็นเมืองที่มีลักษณะเป็นที่ราบลุ่ม เป็นแอ่งคล้ายอ่าง ซึ่งเต็มไปด้วยทุ่งนาที่ออกรวงเหลืองอร่ามเหมือนทอง ตั้งอยู่ในที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีความอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหารและเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ จึงเป็นชื่อที่มาของอ่างทอง

ในปัจจุบัน (พ.ศ.2568) งานบวชในจังหวัดอ่างทองนั้น รูปแบบและขนาดของการจัดงานเลี้ยงฉลองจากที่เคยเรียบง่าย แต่งานบวชหลายแห่งในปัจจุบันกลับจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และอลังการ ตัวอย่างเช่น มีการจ้างช้างจากจังหวัดอยุธยา มาแห่นาคโดยเฉพาะ หรือจัดเลี้ยงโต๊ะจีนเป็นร้อยๆ โต๊ะ สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมที่เปลี่ยนไป อาจเป็นเรื่องของหน้าตาทางสังคม หรือความต้องการของเจ้าภาพและผู้บวชที่อยากให้งานยิ่งใหญ่ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีวัดหลายแห่งที่ยังคงเน้นความเรียบง่าย ซึ่งแตกต่างจากในอดีตที่บางวัดยังกำหนดต้องให้ผู้ที่จะบวชต้องไปอยู่เตรียมตัวที่วัดเป็นสัปดาห์ เพื่อฝึกท่องคำขานบวชนาคให้คล่องแคล่วก่อน

จากการค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมพบว่า งานบวชในจังหวัดอ่างทองนั้น มีทั้งแบบการจัดงานตามประเพณีความเชื่อ และบวชเพื่อในวัตุประสงค์อื่นๆ เจ้าภาพการจัดงานมีทั้งชุมชนและหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ โครงการบรรพชาอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา การบวชพระหนึ่งแสนรูปทั่วไทย โครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน การบวชแก้บน การบวชเบญจเพส การบวชทดแทนบุญคุณ การบวชเพื่อศึกษา

ย้อนกลับไปเล่าสถานการณ์ในอดีตที่ผ่านมา งานบวชมีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อการศึกษาพระธรรมวินัยอย่างจริงจัง โดยผู้บวชจะใช้เวลา 3 เดือนตลอดพรรษา เพื่อศึกษาเล่าเรียนในศาสนา และเมื่อสึกออกมาจะได้รับการเรียกขานว่า “ทิด” หรือ “บัณฑิต” ในส่วนของพิธีทำขวัญนาคนั้น จะเน้นเนื้อหาสาระที่ให้ความรู้แก่ผู้บวชถึงความสำคัญของการบวชและสิ่งที่ต้องปฏิบัติ รูปแบบของการจัดงานเป็นไปอย่างเรียบง่าย มีเพียงขบวนแห่กลองยาวเข้าวัดและแห่รอบโบสถ์เท่านั้น การเลี้ยงฉลองมักจัดขึ้นก่อนวันบวชหนึ่งวันเพื่อจัดเตรียมข้าวของในงานบวช โดยมีญาติพี่น้องมารวมตัวกัน และอาหารที่เลี้ยงก็ไม่ค่อยมีเหล้าเบียร์เหมือนสมัยนี้ แต่บางแห่งก็จะมีการเลี้ยงหล้าอยู่บ้าง โดยเหล้าที่เลี้ยงจะเป็นเหล้าขาวในปริมาณพอสมควร บรรยากาศไม่ได้คึกครื้นมากนักเหมือนปัจจุบันที่มีสิ่งเร้าปัจจัยอื่นเข้ามาตอบสนองร่วม

ในทางตรงกันข้าม งานบวชในปัจจุบัน มีความยิ่งใหญ่และฟุ่มเฟือยมากขึ้น จากเวทีสาธารณะที่จัดขึ้นในจังหวัดอ่างทองครั้งนี้ มีผู้แทนจากหลากหลายองค์กรเข้าร่วม และสะท้อนให้เห็นถึงความสนใจร่วมกันในการแก้ไขปัญหาพัฒนาประเพณีงานบวชในพื้นที่ โดยมีการสำรวจข้อมูลจาก 5 วัดสำคัญ ที่เข้าร่วม ได้แก่ วัดจันทรังษี วัดดาวดึงส์ วัดกลาง วัดเชิงหวาย และวัดเกตุ ซึ่งนายคนิด จิตตวิปูน ไวยาวัจกรวัดกลาง ตำบลหัวไผ่และสารวัตรกำนันตำบลหัวไผ่ เป็นผู้มีประสบการณ์จัดงานบวชมากกว่า 10 ปี และนายผิน ตามประดับ ผู้ช่วยพิธีกรผู้เชี่ยวชาญด้านพระพุทธศาสนา ได้ให้ข้อมูลคล้ายกันว่า รูปแบบของงานบวชในปัจจุบันขึ้นอยู่กับเจ้าภาพแต่ละคนเป็นอย่างมาก บางงานอาจมีการแห่ช้างเข้าวัด หรือใช้รถเข็นแห่รอบโบสถ์ ซึ่งแสดงถึงความต้องการจัดงานที่ยิ่งใหญ่ในสมัยนี้ อย่างไรก็ตามในปัจจุบันมติมหาเถรสมาคม ห้ามจัดงานบวชเสียงดัง แสดงไม่เหมาะสมในพื้นที่วัด หากมีการฝ่าฝืนเจ้าอาวาสจะต้องมีความผิด และสำหรับที่วัดกลางก็เองไม่มีการขึ้นไปแห่ที่เสียงดังบนโบสถ์แล้ว แต่จะจัดขบวนเดินผ่านบริเวณด้านหน้าแทนเพื่อลดความวุ่นวาย นอกจากนี้ในระยะเวลาการบวชในปัจจุบันก็สั้นลง เนื่องจากผู้บวชส่วนใหญ่ทำงานโรงงานหรือมีภาระกิจที่ทำให้ลาได้เพียง 15 วันถึงหนึ่งเดือน ทำให้การศึกษาศาสนาเป็นไปอย่างจำกัด ซึ่งไม่เหมือนในอดีตเป็นการบวชเพื่อเรียนหรือบวชศึกษาต่อในสายสามัญสำหรับผู้ที่มีรายได้น้อย

ค่าใช้จ่ายงานบวชที่สูงขึ้น

ค่าใช้จ่ายในการจัดงานบวชในปัจจุบันเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมที่ใช้เงิน แม้รายจ่ายที่มากสุดก็อยู่ในหลักหมื่นต้นๆ จากการจัดงานแบบเรียบง่ายกลับกลายเป็นว่า ต้องใช้งบประมาณสูงถึง 300,000 บาทต่องาน นางสมศรี สารพันจะ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เล่าว่าเคยจัดงานบวชให้ลูกชายเมื่อ 10 ปีก่อน ใช้งบประมาณในการจัดเลี้ยงโต๊ะจีนประมาณ 60 โต๊ะ (โต๊ะละประมาณ 1,200 บาท) ค่าวงดนตรีอีก 45,000 บาท และค่าใช้จ่ายอื่นๆอีก ทำให้ค่าใช้จ่ายรวมเกือบ 200,000 บาท ซึ่งแตกต่างจากการจัดเลี้ยงแบบโต๊ะไทยที่อาหารทำเองและตักเติมได้เรื่อย ๆ หรือการตัดแบบบุฟเฟ่ต์ในสมัยก่อน นายสุทิน คงพละ อดีตกำนันตำบลหัวไผ่ ระบุว่าค่าใช้จ่ายในงานบวชของลูกชายตนเองเมื่อก่อนอยู่ที่ประมาณไม่ถึง 80,000 บาท แต่ปัจจุบันบางงานสูงถึง 400,000 บาท ค่าใช้จ่ายที่แพงที่สุดมักเป็นค่าเหล้า ซึ่งอาจสูงถึง 40,000-50,000 บาท นอกจากนี้ยังมีค่าเวทีดนตรี ค่าเครื่องแห่ และค่าออร์แกไนเซอร์ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการแสดงออกถึงความยิ่งใหญ่และหน้าตาทางสังคม

ในประเด็นของงานบวชที่พูดถึงอีกเรื่องที่น่าสนใจคือ เรื่องปัญหาที่มาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ถูกพูดถึงอย่างมากในงานบวชปัจจุบัน นายคนิด จิตตวิปูน ไวยาวัจกรวัดกลาง ตำบลหัวไผ่และสารวัตรกำนันตำบลหัวไผ่ ยอมรับว่ามีปัญหาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในงานบวชอยู่บ้าง ซึ่งบางครั้งเกี่ยวข้องกับการเคลียร์หนี้สินที่หยิบยืมมาเพื่อมาร่วมงานบวช และมองว่า “เมื่อเหล้าเข้าปากแล้วมันจะสนุกสนานกัน” นายผิน ตามประดับ ผู้ช่วยพิธีกรงานสำคัญนพื้นที่ มองเห็นด้วยว่า หากขาดแอลกอฮอล์ งานบวชจะขาดความสนุกสนาน ทำให้การสนทนาสั้นลงและแขกอาจกลับบ้านเร็ว โดยนางสมศรี สารพันจะ ก็มองว่าการดื่มเหล้าเป็นค่านิยมที่ฝังลึกมานาน และเห็นว่ามันช่วยให้มีพลังในการทำงานและช่วยงาน แต่อย่างไรก็ตาม พระครูพิทักษ์จันทรังษี เจ้าอาวาสวัดจันทรังษี และเจ้าคณะตำบลหัวไผ่ มองว่า การดื่มแอลกอฮอล์ในงานบวชขัดแย้งกับหลักศีล 5 และนำไปสู่การขาดสติ นอกจากนี้ท่านพระครูฯ ยังได้เล่าถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เคยมีคนเมาทะเลาะวิวาทและเกือบใช้ปืนในงานบวช ทำให้วัดต้องยกเลิกพิธีแห่เวียนรอบโบสถ์

แลกเปลี่ยนทางออกในการแก้ปัญหา

แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการดื่มในงานบวชให้หมดไปโดยสิ้นเชิงจะเป็นไปได้ยากสำหรับในสังคมชนบท และอาจถูกนินทาหากไม่มีการเลี้ยงเหล้าเลย โดยรวมในเวทีสาธารณะนี้ผู้เข้าร่วมต่างเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า สามารถปรับเปลี่ยนและลดการบริโภคแอลกอฮอล์ลงได้

พระครูพิทักษ์จันทรังษี เจ้าอาวาสวัดจันทรังษี ตัวแทนบทบาทของวัดและพระสงฆ์ ได้ออกกฎระเบียบห้ามดื่มสุราในบริเวณวัดและติดป้ายเตือนอย่างชัดเจน ซึ่งที่ผ่านมาได้ผลเป็นที่น่าพอใจ นอกจากนี้ยังส่งเสริมการบวชแบบเรียบง่าย ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีขบวนแห่หรือพิธีกรรมฟุ่มเฟือย เพียงแค่มีไตรจีวร บาตร เครื่องอัฐบริขาร และพระอุปัชฌาย์ก็เพียงพอ ยังยินดีที่สนับสนุนการบวชแบบประหยัดทุกรูปแบบ รวมถึงการบวชแบบไม่มีค่าใช้จ่าย และเชื่อว่า การบวชโดยไม่มีเหล้า จะได้บุญมากกว่า

นายสุทิน คงพละ  อดีตกำนันตำบลหัวไผ่ ตัวแทนบทบาทของชุมชนและผู้นำ เล่าว่า ในช่วงที่ผ่านมามีการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา และประสบความสำเร็จในการลดจำนวนผู้ดื่มได้ทั้งสิ้น 21 คน และปัจจุบันงานบวชในชุมชนที่ไม่มีเหล้าก็มีการจัดงานเลิกเร็วขึ้น ชุมชนมีการพยายามฟื้นฟูประเพณีดั้งเดิมที่เรียบง่าย ผู้นำชุมชนเน้นการสร้างอาชีพและส่งเสริมหลักเศรษฐกิจพอเพียง

ในส่วนของทางออกของปัญหาจากเวทีสาธารณะนั้น นายคนิด จิตตวิปูน ได้เสนอทางออกและข้อเสนอแนะสำหรับผู้ที่ต้องการจัดงานบวชโดยไม่ต้องจัดใหญ่อลังการ โดยจัดทำหลักสูตรของการบวชที่มันเรียบง่าย และพร้อมให้คำแนะนำและสนับสนุนผู้ที่ต้องการบวชแบบไม่มีแอลกอฮอล์ โดยระบุว่า “หากใครที่จะบวชแบบไม่เลี้ยงเหล้า สามารถมาหาผมได้เลย ในจำนวน 5 วัด จัดให้ได้เลย ไม่ต้องมีอะไร ไม่ต้องถวายอะไรกัน” และยังแนะนำให้จัดงานตามกำลังทรัพย์ที่มี โดยมองว่าการลดขนาดและจำนวนขวดเหล้า อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในงานบวชและงานบุญอื่นๆ

สำหรับมุมมองที่เคยเป็นเจ้าภาพจัดงานบวชมาแล้วนั้น นายผิน ตามประดับ และนางสมศรี สารพันจะ ต่างเห็นตรงกันว่า การตัดสินใจขั้นสุดท้ายขึ้นอยู่กับเจ้าภาพ พ่อแม่ และผู้บวชเอง แม้ว่าสังคมชนบทจะยังคงมีค่านิยมเรื่องหน้าตาและการเลี้ยงฉลองที่ยิ่งใหญ่ แต่การที่เศรษฐกิจไม่ดีอาจเป็นโอกาสให้คนหันมาจัดงานแบบเรียบง่ายมากขึ้น นางสมศรีให้ข้อสังเกตว่า คนที่มีฐานะบางคนกลับเลือกจัดงานแบบประหยัดและจัดที่วัดเลย เพื่อหลีกเลี่ยงการแสดงออกที่เกินตัว และเพราะคนในท้องถิ่นรู้จักกันดีจึงไม่ต้องกังวลเรื่องหน้าตา

จากข้อมูลค่านิยมการงานบวชในจังหวัดอ่างทอง โดยเฉพาะในตำบลหัวไผ่นั้น มีการสะท้อนให้เห็นระหว่างประเพณีดั้งเดิมที่เรียบง่ายกับค่านิยมทางสังคมสมัยใหม่ ที่มุ่งเน้นความยิ่งใหญ่และหน้าตาทางสังคม ซึ่งนำไปสู่ภาระค่าใช้จ่ายที่สูงและการบริโภคแอลกอฮอล์เกินควร แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงค่านิยมที่ฝังรากลึกจะยาก แต่ก็มีแนวโน้มที่ดีจากการทำงานของวัด ชุมชน และผู้นำท้องถิ่น ที่พยายามรณรงค์ให้เห็นถึงโทษภัยของการดื่มแอลกอฮอล์และความสิ้นเปลือง

การจัดงานบวชแบบเรียบง่ายและปลอดเหล้า-เบียร์ ไม่เพียงจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆ จากเหตุการณ์เมาเท่านั้น แต่ยังเป็นการกระทำที่สอดคล้องกับหลักพระพุทธศาสนาและได้บุญอย่างแท้จริง การตัดสินใจทุกอย่าง สุดท้ายในการปรับเปลี่ยนรูปแบบงานบวชจึงขึ้นอยู่กับเจ้าภาพและผู้บวชเอง ซึ่งหากมีจิตใจในการตัดสินใจที่เข้มแข็งในการเลือกจัดแบบเรียบง่าย ก็จะสามารถสร้างสรรค์งานบุญที่บริสุทธิ์และเป็นตัวอย่างที่ดีในสืบทอดประเพณีการบวช

39 ครั้ง